จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกทำบันทึกข้อตกลงแบ่งทรัพย์มรดกกับทายาท แบ่งปันซับมรดกให้แก่ทายาทโดยตกลงให้จำเลยที่ 1 โอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ จึงเป็นสัญญาแบ่งปันทรัพย์มรดกอันมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดหรือตัวแทนของฝ่ายนั้นเป็นสำคัญ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1750 วรรคสอง
จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกรู้ว่าโฉนดที่ดินพิพาทอยู่กับโจทก์แต่กลับไปยื่นคำขอออกใบแทนโฉนดที่ดินพิพาทแล้วจดทะเบียนขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 หลังจากได้รับใบแทนโฉนดที่ดินพิพาทเพียง 18 วัน แสดงว่าจำเลยที่ 1 ต้องการเอาที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกมาเป็นประโยชน์ของตนเพียงผู้เดียวย่อมไม่เป็นไปเพื่อจัดการทรัพย์มรดกเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดกให้แก่ทายาท อันเป็นการกระทำผิดหน้าที่ของผู้จัดการมรดกและนอกขอบอำนาจของผู้จัดการมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1719,1723, 1724 วรรคหนึ่ง และมาตรา 1745 เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิจดทะเบียนขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2
ใบแทนโฉนดที่ดินที่จำเลยที่ 1 นำไปจดทะเบียนขายให้แก่จำเลยที่ 2 ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากต้นฉบับที่ดินไม่ได้สูญหาย การออกใบแทนไม่มีผลให้โฉนดที่ดินถูกยกเลิกไปและถือไม่ได้ว่าใบแทนโฉนดที่ดินเป็นหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่คู่กรณีจะนำไปใช้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้ ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 63 วรรคแรกและวรรคสอง และมาตรา 72 การจดทะเบียนซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำนวนที่ 2 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 2 ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท โจทก์ย่อมใช้สิทธิในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์มรดกฟ้องเรียกที่ดินพิพาทคืนจากจำเลยที่ 2 ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ไม่ใช่โจทก์ใช้สิทธิฟ้องโดยเป็นบุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนตามมาตรา 1300 กรณีไม่ต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 รับโอนที่ดินพิพาทโดยมีค่าตอบแทนและกระทำโดยสุจริตหรือไม่
โจทก์ฟ้องในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้โดยขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินเพื่อให้ที่ดินพิพาทกลับคืนมาเป็นของโจทก์โดยบริบูรณ์ ไม่มีผลกระทบต่อสิทธิของจำเลยที่ 1 หรือมีผลบังคับให้จำเลยที่ 1 ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา แม้จำเลยที่ 1 ตายระหว่างพิจารณาและศาลสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ออกจากสารบบความแล้วก็ตาม ศาลก็มีอำนาจพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินได้
ศาลมีคำพิพากษาให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาท เพื่อให้ที่ดินกลับคืนมาเป็นของโจทก์ โดยประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 วรรคแปด บัญญัติให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง ไม่จำต้องบังคับให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนเพิกถอนนิติกรรมการโอนขาย ศาลชอบที่จะพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนขายที่ดินได้เพื่อให้ผลเป็นไปตามคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 244/2567
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น