แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ปวิอ216 แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ปวิอ216 แสดงบทความทั้งหมด

29/04/2567

ศาลชั้นต้นไม่แจ้งวันนัดและไม่อ่านคำพิพากษา กระทบต่อสิทธิอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาไปเป็นการไม่ชอบ ยังไม่ก่อให้เกิดสิทธิฎีดา ต้องย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นอ่านก่อน แล้วรวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่

ศาลชั้นต้นไม่ได้แจ้งวันนัดให้มาฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้น และไม่ได้อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ฟัง เป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 182 กระทบต่อสิทธิในการอุทธรณ์ 

การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาโดยไม่ได้มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องเสียก่อน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังไม่ก่อให้เกิดสิทธิในการฎีกา ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ฟังตามกฎหมาย 

หากมีการอุทธรณ์หรือไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นอย่างไร ให้ศาลชั้นต้นรวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 208 (2) ประกอบมาตรา 225 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2379/2566

28/03/2567

ขอให้ศาลฎีกาเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ต้องทำเป็นคำฟ้องฎีกา ไม่ใช่ขอมาในคำแก้ฎีกา

จำเลยแก้ฎีกาโจทก์ และขอให้รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลย เป็นการขอให้ศาลฎีกาเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งต้องกระทำโดยการยื่นเป็นคำฟ้องฎีกา ไม่ใช่ขอมาในคำแก้ฎีกา คดีไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยให้ 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4006/2566

14/02/2567

ไม่ยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษารับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คำร้องขออนุญาตฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่เมื่อขึ้นมาสู่ศาลฎีกาแล้ว ศาลฎีกาเปลี่ยนแปลงโทษที่ลงได้

คดีอาญาไม่ต้องขออนุญาตฎีกา แต่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 216 และมาตรา 221 โดยผู้ฎีกาต้องยื่นคำร้องพร้อมกับคำฟ้องฎีกาต่อศาลชั้นต้นขอให้ผู้พิพากษาคนใดคนหนึ่งซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาหรือทำความเห็นแย้งในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลที่พิจารณาคดีนี้และศาลฎีกาอนุญาตฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยไม่ได้ยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาตามมาตรา 221 รับรองให้ฎีกา คำร้องขออนุญาตฎีกาของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาว่าด้วยฎีกา ศาลฎีกายกขึ้นพิจารณาได้ตามมาตรา 195 วรรค 2 ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นรับฎีกาของจำเลยมาเป็นการไม่ชอบ แต่คดีนี้ขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแล้ว เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าพฤติการณ์ในคดีโทษที่ศาลอุทธรณ์กำหนดยังไม่เหมาะสมแก่รูปคดี ศาลฎีกามีอำนาจเปลี่ยนแปลงดุลพินิจในการลงโทษที่ศาลอุทธรณ์กำหนดไว้ได้ 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2270/2566