แต่โจทก์มีเจตนากู้ยืมเงินจำเลยโดยจดทะเบียนขายฝากเป็นประกันตามความประสงค์ของจำเลย ส่วนจำเลยเจตนาให้โจทก์กู้ยืมเงินโดยหวังดอกเบี้ย แต่ประสงค์ให้มีการทำสัญญาขายฝากเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้โดยไม่มีเจตนาที่จะรับซื้อฝากที่ดินมาตั้งแต่ต้น แสดงว่าโจทก์กับจำเลยไม่ได้เจตนาผูกพันกันจริงตามสัญญาขายฝาก แต่เป็นการทำสัญญาขายฝากเพื่ออำพรางการกู้ยืมเงิน สัญญาขายฝากเป็นการแสดงเจตนาลวงโดยสมรู้กับคู่กรณีอีกฝ่าย ตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 155 ต้องบังคับตามนิติกรรมที่ถูกอำพรางคือนิติกรรมกู้ยืม โดยจำเลยผู้ให้กู้มีสิทธิยึดถือโฉนดไว้เป็นประกันจนกว่าจะได้รับชำระหนี้
เมื่อนิติกรรมขายฝากก็เป็นโมฆะ จึงไม่จำเป็นต้องเพิกถอนนิติกรรมขายฝากอีก
โจทก์เป็นผู้ทำนิติกรรมตามสัญญาขายฝาก ถือเป็นผู้มีส่วนได้เสีย มีสิทธิยกความเสียเปล่าแห่งโมฆะกรรมขึ้นกล่าวอ้างได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4020/2566