แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ปพพ602 แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ปพพ602 แสดงบทความทั้งหมด

22/11/2567

ค่าจ้างว่าความของทนายที่มีจำนวนแน่นอน ไม่ได้คำนึงถึงผลของคดี ไม่เป็นข้อตกลงแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์ที่เป็นมูลหนี้พิพาท หรือเป็นข้อตกลงที่ให้ทนายเข้าไปมีส่วนได้เสีย โดยตรงในผลของคดี ไม่เป็นโมฆะ อายุความ 2 ปี เริ่มนับแต่ ผู้ว่าจ้างไปรับมอบการงานที่ทำ

จำเลยจ้างโจทก์เป็นทนาย มีข้อตกลงชำระค่าว่าจ้างเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก 10,000 บาทให้โจทก์ฟ้องร้องจนกว่าคดีถึงที่สุด ส่วนที่ 2 เมื่อคดีถึงที่สุดแล้วจำเลยชนะคดีและได้รับเงิน จำเลยตกลงชำระเงินในชั้นบังคับคดีแก่โจทก์อัตราร้อยละ 10 ของทุนทรัพย์ที่ฟ้อง ข้อตกลงทั้ง 2 ส่วนเป็นการกำหนดจำนวนค่าจ้างไว้เป็นจำนวนแน่นอนไม่ได้คำนึงถึงผลของคดี แม้ค่าจ้างในส่วนที่ 2 เป็นการคำนวณค่าจ้างให้คิดเป็นจำนวนร้อยละของทุนทรัพย์ที่ฟ้องก็เป็นจำนวนแน่นอน โดยโจทก์ไม่สามารถกำหนดค่าเสียหายในการฟ้องร้องได้ตามอำเภอใจ ข้อตกลงทั้งสองส่วนไม่เป็นข้อตกลงแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์ที่เป็นมูลพิพาทที่ลูกความจะได้รับเมื่อชนะคดี ไม่มีลักษณะเป็นข้อตกลงให้ทนายเข้าไปมีส่วนได้เสียในทางการเงินโดยตรงในผลของคดีที่ว่าความ สัญญาจ้างว่าความจึงไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ 2528 และข้อบังคับของสภาทนายความ และไม่ใช่นิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีที่จะตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 150

สัญญาจ้างว่าความเป็นสัญญาจ้างทำของ มีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/34 (16)  ซึ่งมาตรา 602 วรรค 1 บัญญัติให้สินจ้างนั้นพึงใช้ให้เมื่อรับมอบการที่ทำ จึงต้องถือว่าหนี้ค่าจ้างว่าความถึงกำหนดเมื่อจำเลยได้รับมอบงานการที่ทำแล้ว

สิทธิเรียกร้องเอาค่าจ้างของโจทก์ซึ่งเป็นทนาย ในส่วนที่ 1 ย่อมเกิดขึ้นทันทีนับแต่วันที่ศาลฎีกามีคำพิพากษา แต่สิทธิเรียกร้องค่าจ้างว่าความในส่วนที่ 2 เริ่มนับแต่วันที่ จำเลยได้รับชำระเงินครบถ้วน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3599/2566