พนักงานสอบสวนแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำที่กล่าวหาในข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้สาหัสแล้ว แม้ไม่แจ้งข้อหาว่าทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ตาย ก็มีอำนาจสอบสวน

ขณะยื่นฟ้องผู้เสียหายยังไม่ถึงแก่ความตาย โจทก์จึงฟ้องจำเลยว่าทำผิดข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายไม่ได้ ต่อมาผู้เสียหายถึงแก่ความตายอันเป็นผลโดยตรงจากการขับรถโดยประมาทของจำเลย เป็นการกระทำเดียวกันกับคำฟ้องที่ต่อเนื่องกันมา โจทก์มีอำนาจขอแก้ฟ้อง จะกระทำผิดข้อหากระทำโดยประมาทเป็นผู้เขียนให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส เป็นข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และขอแก้บทลงโทษจากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 เป็น มาตรา 291 ก่อนมีคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้ เพราะการแก้หรือเพิ่มเติมฐานความผิดไม่ว่าจะทำในระยะใด ในระหว่างพิจารณาในศาลชั้นต้น ไม่ให้ถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 163, 164

พนักงานสอบสวนแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำที่กล่าวหาว่าผู้ต้องหาได้กระทำผิดแล้วจึงแจ้งข้อหาให้ทราบว่ากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 แล้ว แม้ไม่แจ้งข้อหาว่ากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นความผิดที่เกี่ยวพันกัน พนักงานสอบสวนก็มีอำนาจสอบสวนความผิดข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ถือได้ว่ามีการสอบสวนความผิดข้อหาดังกล่าวแล้ว กับทั้งศาลชั้นต้นได้อ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยซึ่งมีทนายความฟัง จำเลยให้การรับสารภาพ เท่ากับจำเลยเข้าใจดีแล้ว คำร้องขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์ไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องในข้อหากระทำโดยประมาณเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ได้ 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2566