แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ปพพ1382 แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ปพพ1382 แสดงบทความทั้งหมด

30/04/2568

สมบัติของผู้สาบสูญ

ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีกลุ่มพี่น้อง-“โจทก์” กับ “จำเลยทั้งสอง”-เกิดเป็นลูกของแม่ที่ชื่อ “มุ่ยเตียง” บ้านนี้มีที่ดินผืนงามแปลงหนึ่ง เป็นเหมือนสมบัติตกทอดของตระกูล

วันหนึ่ง “โจทก์” หายออกจากบ้าน ไม่มีใครรู้ข่าวคราว ไม่มีจดหมาย ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีแม้แต่เงา ผ่านไป 5 ปีเต็มอย่างเงียบงัน แม่มุ่ยเตียงจึงไปศาล ขอให้มีคำสั่ง “โจทก์เป็นคนสาบสูญ” ศาลเห็นว่าไม่มีใครรู้แน่ว่าโจทก์อยู่หรือตาย จึงมีคำสั่งให้โจทก์เป็นคนสาบสูญ ซึ่งถือว่าโจทก์ถึงแก่ความตายเมื่อครบกำหนดระยะเวลา 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 62

โดยผลของคำสั่งศาลและข้อเท็จจริง แม่มุ่ยเตียงในฐานะทายาทโดยธรรมจึงได้รับที่ดินที่เคยเป็นชื่อของโจทก์ผืนนั้นทันที ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1602 ทุกอย่างเป็นไปโดยสุจริต ไม่มีใครคิดจะโกงใคร

หลายปีต่อมา โจทก์กลับมาปรากฏตัว! แม้จะมีชีวิตอยู่ แต่ในชั้นกฎหมาย เขายังถูกถือว่า “ถึงแก่ความตาย” เพราะศาลยังไม่ได้เพิกถอนคำสั่งสาบสูญ โจทก์ร้องขอต่อศาล และในที่สุด ศาลก็เพิกถอนคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 63

เมื่อกลับมาได้รับสิทธิตามกฎหมายอีกครั้ง โจทก์จึงเรียกร้องเอาที่ดินกลับคืนจากจำเลยทั้งสอง ที่เป็นผู้จัดการมรดกของแม่ โจทก์ยื่นฟ้องศาล ขอให้เพิกถอนการโอน และให้เปลี่ยนชื่อเจ้าของที่ดินคืนแก่ตนเอง

จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่า แม่มุ่ยเตียงและต่อมาก็ตนเอง ครอบครองที่ดินนี้โดยสุจริตมานาน สมควรได้ครอบครองปรปักษ์ แต่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ไม่ใช่กรณีครอบครองปรปักษ์ เพราะที่ดินได้มาด้วยเหตุแห่งมรดกตามกฎหมาย ไม่ใช่การครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นโดยปรปักษ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382

จำเลยที่ 2 ยังอ้างว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ เพราะฟ้องเกินเวลาที่กำหนดสำหรับการเรียกทรัพย์คืน (ลาภมิควรได้) ศาลฎีกาเห็นว่า ขณะที่โจทก์กลับมา เขายังไม่มีสถานะบุคคลในทางกฎหมายจนกว่าคำสั่งเพิกถอนการเป็นคนสาบสูญจะมีผล เมื่อศาลเพิ่งถอนคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2563 วันนั้นเองโจทก์จึงได้สิทธิและรู้ว่าตนมีสิทธิฟ้องเรียกที่ดินกลับมา การยื่นฟ้องวันที่ 22 มิถุนายน 2563 จึงไม่ขาดอายุความ

ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ให้คืนที่ดินโดยค่าใช้จ่ายของจำเลยทั้งสอง


ที่มา : คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4656/2566 

ข้อคิดทางกฎหมาย

การสาบสูญ: การเป็นคนสาบสูญตามคำสั่งศาล มีผลในทางกฎหมายเสมือนถึงแก่ความตาย มรดกตกทอดทายาททันที แต่หากคนสาบสูญกลับมา ก็ยังไม่มีสิทธิทางกฎหมายจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญ

สิทธิเรียกคืนทรัพย์: อายุความนับตั้งแต่วันที่กลับมาเป็นบุคคลโดยสมบูรณ์ (วันที่ศาลเพิกถอนคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญ)

การครอบครองปรปักษ์: ใช้ได้เฉพาะทรัพย์ของผู้อื่น ไม่ใช่กับทรัพย์ที่ได้มาโดยเหตุแห่งมรดกตามกฎหมาย

17/05/2567

ไม่เคยเข้าไปครอบครองอยู่อาศัย เพียงสร้างรั้วคอนกรีตและให้เช่าที่ดินตั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์ ไม่อาจอ้างครอบครองปรปักษ์ได้

จำเลยไม่เคยเข้าไปครอบครองอยู่อาศัยในที่ดินพิพาท จำเลยเพียงสร้างรั้วกำแพงคอนกรีตในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโจทก์ที่อยู่ติดต่อกันเท่านั้น แม้รั้วกำแพงคอนกรีตและตอม่อสำหรับใช้ดึงเสาสัญญาณโทรศัพท์อยู่ในที่ดินของโจทก์ ก็เป็นเพียงเรื่องที่จำเลยก่อสร้างรั้วกำแพงคอนกรีตและผู้เช่าที่ดินจากจำเลยได้สร้างตอม่อสำหรับใช้ดึงเสาสัญญาณโทรศัพท์ในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโจทก์เท่านั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผู้ครอบครองคนก่อนหรือจำเลยได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทของผู้อื่นไว้โดยสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ แม้จะช้านานเพียงใด ผู้ครอบครองคนก่อนก็ดี จำเลยก็ดี ไม่อาจอ้างครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทได้ 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2400 / 2566

19/01/2567

คำพิพากษาว่าได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์แม้ยังไม่ได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลง ก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามคำสั่งศาลยังไม่เกิดขึ้น

ศาลมีคำสั่งให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ ตาม ปพพ.ม. 1382 แม้โจทก์ยังไม่ได้นำคำสั่งศาลไปดำเนินการจดเปลี่ยนแปลงชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทางทะเบียนมาเป็นชื่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 78 คงมีผลเพียงห้ามไม่ให้โจทก์ยกสิทธิการได้มาซึ่งที่ดินพิพาทอันยังไม่ได้นำไปจดทะเบียนขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนโดยสุจริตแล้วตาม ปพพ.ม. 1299 วรรค 2 หาได้เป็นเหตุทำให้ความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทของโจทก์ตามคำสั่งศาลยังไม่เกิดขึ้น 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1746/2566

04/10/2566

ใช้ทางพิพาทโดยไม่ได้ขออนุญาตหรืออาศัยสิทธิใด ๆ บ่งชี้ว่าใช้ทางพิพาทโดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ เกิน 10 ปี ก็ได้ภาระจำยอมโดยอายุความ

จำเลยซื้อที่ดินจดกับถนนพหลโยธินซึ่งเป็นทางสาธารณะ ย่อมจะทราบดีอยู่แล้วว่ามีทางพิพาทผ่านที่ดินและประชาชนที่มีที่นาอยู่ด้านในใช้เป็นทางเข้าออกไปทำนาแต่ก็ไม่ได้หวงห้ามหรือปิดกั้นทางพิพาท โจทก์ใช้ทางพิพาทเพื่อไปทำนามามากกว่า 10 ปีโดยไม่ได้ขออนุญาตใด ๆ หรืออาศัยสิทธิใด ๆ ของจำเลย บ่งชี้ว่าโจทก์ใช้ทางพิพาทโดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเกินกว่า 10 ปี โจทก์ไม่จำต้องบอกกล่าวแก่จำเลยตามปพพ 1381 เพราะโจทก์ไม่ได้อาศัยสิทธิหรือครอบครองหรือยึดถือแทนจำเลยมาแต่แรก ทางพิพาทตกเป็นทางภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์โดยอายุความตามปพพ 1382 ประกอบ 1401 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3867/2565

02/10/2566

ครอบครองที่ดินของคนอื่นแทนคนอื่นอีกคน ไม่ได้บอกว่าไม่ยึดถือแทนอีกต่อไป ไม่ใช่การครอบครองปรปักษ์

ครอบครองที่ดินของคนอื่นแทนคนอื่นอีกคน เมื่อไม่ได้บอกกล่าวว่าไม่มีเจตนายึดถือแทนอีกต่อไปตามมาตราปพพ 1381 การขายที่ให้คนนอกก็ไม่ได้มีการบอกกล่าวว่าไม่ยึดถือแทนอีกต่อไป จึงไม่ใช่การแย่งการครอบครอง ไม่ใช่การครอบครองโดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตามมาตราปพพ 1382 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2242/2565

ครอบครองโดยเห็นว่าเป็นที่ดินว่างเปล่าและเข้าใจว่าเป็นที่ดินไม่มีเจ้าของ ไม่ใช่การครอบครองปรปักษ์

ครอบครองโดยเห็นว่าเป็นที่ดินว่างเปล่าและเข้าใจว่าเป็นที่ดินไม่มีเจ้าของ ไม่ถือว่าเป็นการครอบครองทรัพย์ของผู้อื่นโดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ตามมาตราปพพ 1382 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3565/2565