จำเลยรับเหมางานก่อสร้าง แล้วจ้างโจทก์เป็นผู้รับเหมาช่วง แล้วโจทก์จ้างนาย ก. เป็นผู้รับเหมาช่วงที่ 2 ต่อนาย ก. ไม่จ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง ลูกจ้างจึงไปร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน พนักงานตรวจแรงงานมีคำสั่งให้โจทก์ นาย ก. และจำเลย จ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง จำเลยจึงเอาเงินไปวางต่อศาลเพื่อชำระให้แก่ลูกจ้างของ นาย ก. ตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน
โจทก์มาฟ้องคดีเกี่ยวกับเงินค่าจ้างที่จำเลยยังค้างจ่ายให้แก่โจทก์อยู่ จำเลยต่อสู้ว่าให้เอาเงินค่าจ้างที่จำเลยวางต่อศาลเพื่อชำระให้แก่ลูกจ้างของนายกตามคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงานหากกบลบหนี้กับเงินที่จำเลยค้างจ่ายให้แก่โจทก์
ศาลฎีกาพิพากษาว่า ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานพ.ศ 2541 มาตรา 12 บัญญัติว่า กรณีที่นายจ้างเป็นผู้รับเหมาช่วง ให้ผู้รับเหมาช่วงถัดขึ้นไปหากมีตลอดสายจนถึงผู้รับเหมาชั้นต้นร่วมรับผิดกับผู้รับเหมาช่วงซึ่งเป็นนายจ้างในค่าจ้าง และให้ผู้รับเหมาชั้นต้นหรือผู้รับเหมาช่วงที่ไม่ได้เป็นนายจ้างมีสิทธิไล่เบี้ยเงินที่จ่ายไปแล้วคืนจากผู้รับเหมาช่วงซึ่งเป็นนายจ้าง หมายความว่า หากผู้รับเหมาช่วงซึ่งเป็นนายจ้าง (นาย ก.) มีค่าจ้างหรือเงินอื่นที่ต้องจ่ายแก่ลูกจ้าง ผู้รับเหมาช่วงถัดขึ้นไป(โจทก์) จนถึงผู้รับเหมาชั้นต้น (จำเลย) ต้องร่วมรับผิดกับผู้รับเหมาช่วงซึ่งเป็นนายจ้าง (นาย ก.) ในค่าจ้างหรือเงินอื่นที่ต้องจ่ายแก่ลูกจ้างนั้นด้วย และเมื่อผู้รับเหมาชั้นต้น (จำเลย) หรือผู้รับเหมาช่วงถัดไป (โจทก์) จ่ายค่าจ้างหรือเงินอื่นที่ต้องจ่ายแทนผู้รับเหมาช่วงซึ่งเป็นนายจ้าง (นาย ก.) ไปแล้วก็มีสิทธิไล่เบี้ยเงินดังกล่าวคือจากผู้รับเหมาช่วงซึ่งเป็นนายจ้าง (นาย ก.) ได้
ดังนั้น จำเลยซึ่งเป็นผู้รับเหมาชั้นต้นที่ได้วางเงินค่าจ้างตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานจึงมาใช้สิทธิไล่เบี้ยกับโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับเหมาช่วงถัดขึ้นไปไม่ได้ แต่มีสิทธิไล่เบี้ยเอากับ นาย ก. ซึ่งเป็นผู้รับเหมาช่วงที่เป็นนายจ้างได้ จำเลยจึงหักกลบลบหนี้กับโจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 39/2567
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น