จำเลยที่ 1 ทำสัญญาขายลดตั๋วเงินกับโจทก์ มีจำเลยที่ 2 และที่ 3 ค้ำประกันรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม และจำเลยที่ 2 จำนองที่ดินเป็นประกัน โดยตกลงว่าหากขายทอดตลาดทรัพย์จำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้ยินยอมชดใช้หนี้ให้แก่โจทก์จนครบถ้วน
โจทก์จึงเป็นทั้งเจ้าหนี้สามัญและเป็นเจ้าหนี้จำนองผู้มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองก่อนเจ้าหนี้สามัญโดยมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นที่ไม่ใช่ทรัพย์สินที่จำนองด้วย ฉันจอดมีคำขอท้ายฟ้องว่าหากจำเลยทั้ง 3 ไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วนให้ยึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 2 และทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้ง 3 ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบถ้วนอันเป็นการฟ้องและมีคำขอท้ายฟ้องตามสิทธิที่จะมีอยู่
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ให้จำเลยทั้ง 3 ร่วมกันชำระเงิน พร้อมดอกเบี้ย หากจำเลยทั้ง 3 ไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วนให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน หากขายทอดตลาดทรัพย์จำนองแล้วได้เงินไม่พอชำระหนี้ ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้ง 3 ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้จนครบถ้วน ซึ่งเป็นการกำหนดขั้นตอนในการบังคับชำระหนี้ โดยให้โจทก์ต้องบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองก่อน เมื่อไม่พอจึงจะบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้ง 3 อันเป็นการพิพากษาให้โจทก์มีสิทธิในการบังคับชำระหนี้น้อยกว่าสิทธิที่มีอยู่ ทั้ง ๆ ที่โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องมาแล้ว จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า หากจำเลยทั้ง 3 ไม่ชำระเงินหรือชำระเงินไม่ครบถ้วนให้ยึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 2 และทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้ง 3 ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบถ้วน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2498/2566 ประชุมใหญ่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น