ผู้ค้ำประกันสัญญาลาศึกษา ไล่เบี้ยเอาเงินคืนจากผู้ผิดสัญญาลาศึกษาได้

กำลังเป็นข่าวโด่งดังในสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ กรณีอดีตทันตแพทย์สังกัดมหาวิทยาลัยชื่อดัง ได้รับทุนให้ไปศึกษาต่อปริญญาโทและเอกที่ต่างประเทศ แต่ไม่กลับมาชดใช้ทุนตามสัญญา จึงเป็นการทำผิดสัญญาลาศึกษา ก่อให้เกิดหนี้ค่าเสียหายที่ต้องชดใช้ตามสัญญา แต่อดีตทันตแพทย์รายดังกล่าวบ่ายเบี่ยงไม่ชดใช้ค่าเสียหายกับทั้งไม่มีทรัพย์สินใดๆในประเทศไทยที่จะบังคับคดีได้ ทำให้ผู้ค้ำประกันในสัญญาลาศึกษาต้องรับเคราะห์กรรมชดใช้เงินแทน รวมกว่า 10 ล้านบาท

มีประเด็นสงสัยที่ว่า ผู้ค้ำประกันสัญญาลาศึกษาจะทำอย่างไรได้บ้าง เมื่อตนได้ชำระเงินแทนผู้ผิดสัญญาลาศึกษา(ซึ่งเสพสุขสบายอยู่ต่างประเทศ) ไปแล้ว ??

เรื่องนี้ กฎหมายไทยก็ให้ความยุติธรรมเพียงพอ ไม่ให้ผู้ค้ำประกันต้องตกระกำลำบากหาทางออกไม่ได้ ยังสามารถเรียกเงินที่ตนต้องจ่ายไปคืนจากอดีตทันตแพทย์ผู้ผิดสัญญาได้ โดยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 693  กำหนดว่า "ผู้ค้ำประกันซึ่งได้ชำระหนี้แล้ว ย่อมมีสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้ เพื่อต้นเงินกับดอกเบี้ยและเพื่อการที่ต้องสูญหายหรือเสียหายไปอย่างใด ๆ เพราะการค้ำประกันนั้น อนึ่ง ผู้ค้ำประกันย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้บรรดามีเหนือลูกหนี้ด้วย"


นั่นหมายความว่า ผู้ค้ำประกันสัญญาลาศึกษา ซึ่งได้ชดใช้เงินค่าเสียหายกรณีผิดสัญญาให้แก่เจ้าหนี้หรือเจ้าของทุนการศึกษาไปแล้ว สามารถเรียกร้องเงินที่ตนได้จ่ายไปพร้อมทั้งดอกเบี้ยจากอดีตทันตแพทย์ผู้ผิดสัญญาลาศึกษาได้ ภาษากฎหมายเรียกว่าใช้สิทธิไล่เบี้ย และยังรับช่วงสิทธิที่เจ้าหนี้มีต่อผู้ผิดสัญญาด้วย ซึ่งผู้ค้ำประกันต้องใช้สิทธิฟ้องร้องต่อศาลจะเอาปืนไปขู่จี้เอาก็ไม่ได้

แต่ประเด็นที่ว่าจะมีทรัพย์สินให้บังคับคดี ยึดทรัพย์ขายทอดตลาดเอาเงินมาใช้ให้แก่ผู้ค้ำประกันได้นั้น คงต้องสืบหาทรัพย์สินกันต่อไป ว่ามีหรือไม่และเพียงใด..