20/11/2568

ผู้พิพากษาเคยนั่งพิจารณาคดีแพ่งในศาลต้นขึ้นมาเป็นผู้พิพากษาพิจารณาคดีอาญาในศาลอุทธรณ์ ไม่ถือเป็นผู้พิพากษาที่เคยพิจารณาคดีเดียวกันในศาลอื่น


ผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีแพ่งของบริษัทที่โจทก์เป็นกรรมการกับจำเลยในศาลชั้นต้น ขึ้นมาเป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิจารณาคดีอาญาของโจทก์กับจำเลย ถือไม่ได้ว่าเป็นผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีเดียวกันในศาลอื่น อันจะเป็นเหตุให้ถูกคัดค้านตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 11 (5)


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 747/2567

30/10/2568

ที่ดิน สปก. ไม่เข้าทำประโยชน์ แต่ให้คนอื่นทำ เท่ากับสละสิทธิทำประโยชน์แล้ว ฟ้องขับไล่ไม่สุจริต สำนักงาน สปก. มีอำนาจฟ้อง



โจทก์ไม่เคยเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน สปก. และปล่อยให้จำเลยเป็นผู้ทำประโยชน์ในที่ดินเพื่อตนเองมาตลอดนับตั้งแต่โจทก์ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดิน เท่ากับโจทก์สละสิทธิทำประโยชน์ในที่ดิน สปก. และยอมโอนสิทธิเข้าทำประโยชน์ในที่ดินให้จำเลยแล้ว เป็นการต้องห้ามตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 การที่โจทก์กลับมาอ้างสิทธิตามหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์แล้วฟ้องขับไล่จำเลยจึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 5


จำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้เขาทำประโยชน์ในที่ดิน สปก. และลักลอบซื้อขายที่ดินกันเป็นทอด ๆ อันไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเรื่องที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจะต้องว่ากล่าวเอาแก่จำเลย ไม่ทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสอง


คำพิพากษาศาลฎีกาที่  471-472/2567 





20/10/2568

ร่างกายนี้คือภาระ

ร่างกายนี้มันเป็นภาระอย่างที่หลวงพ่อท่านว่า 
ต้องอาบน้ำแปรงฟันให้มัน ล่าสุด ไปขูดหินปูนให้มัน 
เสียวชิบหาย ทุกข์ชิบหาย

30/09/2568

ฉ้อโกงประชาชนต้องเจตนาทำให้ปรากฏแก่ประชาชนทั่ว ๆ ไป โดยมุ่งหมายให้แพร่หลายในหมู่ประชาชน



ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนต้องมีเจตนากระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนทั่ว ๆ ไป โดยมุ่งหมายให้แพร่หลายในหมู่ประชาชน แต่จำเลยชักชวนโจทก์ให้ร่วมลงทุน โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยชักชวนบุคคลอื่นหรือประกาศให้ประชาชนทั่วไปมาร่วมลงทุนด้วย จึงไม่มีมูลความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน


ความผิดฐานนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญา ต้องมีการนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี แต่จำเลยในฐานะทนายความของโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง ไม่ใช่การนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานในการพิจารณาคดี แต่เป็นอำนาจที่จำเลยทำได้ตามที่โจทก์มอบหมายในใบแต่งทนายความ หากฝ่าฝืนความประสงค์ของโจทก์และทำให้โจทก์เสียหายก็ต้องไปว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญา


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 725/2567


28/08/2568

กิเลสบงการชีวิตเรา

สิ่งที่บงการชีวิตเรา 
ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือใครหรอก
แต่เป็นกิเลสที่ห่อหุ้มจิตใจเรานี่แหละ 
ถ้าอยากอิสระ ก็ต้องขจัดกิเลสให้หมดสิ้นไป

21/08/2568

คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องอาญา เมื่อคดีอาญาข้าราชการไม่ต้องรับผิด คดีแพ่งก็ฟ้องหน่วยงานต้นสังกัดไม่ได้ และแม้จำเลยไม่ได้ให้การ ก็ยกข้อเท็จจริงส่วนอาญายกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้



โจทก์ฟ้อง ธ. ซึ่งเป็นข้าราชการในสังกัดจำเลย เป็นคดีอาญา คดีถึงที่สุด โดยศาลชั้นต้นพิพากษาว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบฟังไม่ได้ว่า ธ. กระทำความผิดตามฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้อง ซึ่งเป็นการฟ้องโดยอาศัยเหตุเดียวกันกับคดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องจำเลยในมูลละเมิด จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 40 คำพิพากษาในคดีอาญาผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นคู่ความในคดีแพ่ง การที่จะพิจารณาว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ในส่วนคดีแพ่ง ศาลต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามมาตรา 46 เมื่อคดีส่วนอาญาศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า ธ. ไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้อง ถือว่าจำเลยไม่ได้กระทำละเมิดตามฟ้องในคดีส่วนแพ่งด้วย โจทย์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของ ธ. ให้รับผิด


คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46 ให้ศาลในคดีส่วนแพ่งจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยไม่ได้ให้การ จำเลยก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคสอง 


 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 613/2567


20/08/2568

ขายทรัพย์ที่ยึดไม่ได้ เพราะมีคำสั่งให้รื้อถอน โดยไม่ใช่ความผิดหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือความไม่สุจริตของเจ้าหนี้ จึงไม่ต้องรับผิดค่าธรรมเนียมบังคับคดี



อาคารที่โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึด ต้องถูกรื้อถอนไปในระหว่างการบังคับคดีและไม่อาจนำขายทอดตลาดได้ เกิดจากการใช้อำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่มีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคาร ไม่ใช่ความผิดหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือความไม่สุจริตของโจทก์ที่โจทก์จะรู้มาก่อนว่าอาคารที่ยึดมีสภาพเป็นอันตรายและสำนักงานเขตมีคำสั่งให้รื้อถอน ทั้งไม่ใช่การถอนบังคับคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 (2) (3) (4) (6) และ (7) ที่ผู้ร้องขอยึดหรืออายัดทรัพย์สินต้องรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีตามมาตรา 169/2 วรรคสี่  จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะให้ผู้ร้องต้องรับผิดค่าธรรมเนียมกรณียึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่าย


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 541/2567