08/07/2568

ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาและลงชื่อในคำพิพากษาใช้ดุลพินิจอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้แม้ไม่มีคำร้องขออนุญาตให้ฎีกา



ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีอำนาจตรวจฎีกาและสั่งอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในคำฟ้องฎีกาและรับฎีกาได้ แม้จำเลยจะไม่ได้ยื่นคำร้องเพื่อขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงมาด้วยก็ตาม เพราะถือเป็นดุลพินิจเด็ดขาดของผู้พิพากษาที่สั่งอนุญาต การที่ผู้พิพากษาดังกล่าวตรวจฎีกาแล้วเห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและมีคำสั่งอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องตามเจตนารมณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 แล้ว


ผู้ตายมีส่วนก่อให้เกิดการกระทำความผิดด้วย แม้ผู้ตายไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย มารดาของผู้ตายไม่มีอำนาจเข้ามาจัดการแทนผู้ตายและไม่มีสิทธิขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการก็ตาม แต่มารดาของผู้ตายเป็นผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิดของจำเลย จึงเป็นผู้ถูกโต้แย้งสิทธิในทางแพ่งและมีสิทธิเรียกร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/1 โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้ตายเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยหรือไม่ ส่วนจะกำหนดค่าสินไหมทดแทนให้มากน้อยเพียงไร ต้องพิจารณาว่าความเสียหายนั้นได้เกิดขึ้นเพราะฝ่ายใดเป็นผู้ก่อยิ่งหย่อนกว่ากัน


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 518/2567


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น