สามีภรรยาร่วมกันกู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อซื้อที่ดินและจดจำนองที่ดินเป็นประกันหนี้
ต่อมาวันที่ 19 กรกฎาคม 2556 สามีและภรรยาตกลงแยกทางกัน โดยทำหนังสือตกลงระบุว่า สามีตกลงยกที่ดินพร้อมบ้านส่วนของสามีให้แก่ภรรยาเพื่อเป็นการตอบแทนในกรณีที่ภรรยาอุปการะเลี้ยงดูบุตรฝ่ายเดียว และทั้งสองมีคำมั่นว่าหลังจากชำระหนี้จำนองครบถ้วนแล้วจะโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมบ้านให้แก่บุตร ที่ดินพร้อมบ้านพิพาทจึงเป็นของภรรยาและบุตร ซึ่งสามีไม่มีกรรมสิทธิ์รวมอีกต่อไป
เมื่อภรรยาและบุตรเข้าครอบครองที่ดินพร้อมบ้านพิพาทตลอดมา แม้สามียังไม่ได้จดทะเบียนโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างส่วนของตนให้แก่ภรรยาและบุตร มีผลเพียงทำให้การได้มาโดยนิติกรรมซึ่งอสังหาริมทรัพย์ของภรรยาและบุตรยังไม่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 วรรค 1 แต่สิทธิของภรรยาและบุตรตามหนังสือข้อตกลงยังคงมีอยู่ การที่ภรรยาและบุตรได้ครอบครองทรัพย์พิพาทโดย ภรรยาเป็นผู้ชำระหนี้จำนองผู้เดียวตลอดมา ถือได้ว่าภรรยาและบุตรเป็นบุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนตามมาตรา 1300
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่ผู้รบกวนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างอันมีค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนโดยสุจริต จึงไม่ใช่บุคคลภายนอกที่ได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 1300
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะบังคับยึดที่ดินให้กระทบสิทธิของภรรยาและบุตรไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 322 ภรรยาและบุตรมีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2257/2566
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น