10/04/2567

ผู้ค้ำประกันเป็นกรรมการบริษัท แม้บอกกล่าวบริษัทและบริษัทผิดนัดแล้ว แต่ยังไม่บอกกล่าวผู้ค้ำประกัน ก็ไม่มีอำนาจฟ้องกรรมการผู้ค้ำประกัน

โจทก์เป็นธนาคาร จำเลยที่ 1 เป็นบริษัทจำกัด จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันโดยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท 

สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีไม่มีกำหนดเวลา เป็นหนี้ที่ไม่ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ การหักทอนบัญชีทุกเดือนเพื่อทราบว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ในขณะนั้นใครเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้กันอย่างไรไม่ใช่เป็นการกระทำเพื่อชำระหนี้กรณีสัญญาสิ้นสุด

การที่โจทก์ไม่ยอมให้จำเลยที่ 1 เดินสะพัดทางบัญชีอีกต่อไป และทำการหักทอนหนี้เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ไม่มีการเบิกถอนเงินจากบัญชีเพราะโจทก์เห็นว่าจำเลยที่ 1 มียอดหนี้ต้นเงินค้างชำระแก่โจทก์เกินบัญชีแล้ว  ถือได้ว่าการเดินสะพัดทางบัญชีตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีที่ไม่มีกำหนดเวลาชำระหนี้ได้สิ้นสุดเลิกกันในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 โจทก์ชอบที่จะเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ได้โดยพลันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 203

การเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดโดยไม่มีกำหนดเวลา เกิดจากโจทก์หักทอนบัญชีแล้วไม่ให้จำเลยที่ 1 กู้เบิกเงินเกินบัญชีอีก ไม่ใช่การเลิกสัญญาตามกำหนดเวลาสิ้นสุดที่ได้ตกลงกันไว้ ไม่มีผลทำให้จำเลยที่ 1 ตกเป็นลูกหนี้ผิดนัด โจทก์ต้องบอกกล่าวแจ้งเตือนจำเลยที่ 1 ให้ชำระหนี้ แต่โจทก์ไม่ได้กระทำ  จำเลยที่ 1 จึงยังไม่ตกเป็นลูกหนี้ผิดนัดโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยอัตราผิดนัด

จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันแม้เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ชั้นต้นแต่โจทก์มีหนังสือทวงถามไปถึงจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันก่อนที่จำเลยที่ 1 ลูกหนี้ชั้นต้นผิดนัด และหลังจากที่จำเลยที่ 1 ลูกหนี้ชั้นต้นตกเป็นผู้ผิดนัดแล้ว โจทก์ไม่ได้มีหนังสือบอกกล่าวไปยังจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันภายใน 60 วัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 686 วรรคหนึ่ง โจทย์ยังไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกัน 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2106/2566 ประชุมใหญ่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น