ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 656 ถ้าทำสัญญากู้ยืมเงินกัน และผู้กู้ยืมยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นแทนจำนวนเงินนั้นไซร้ ท่านให้คิดเป็นหนี้เงินค้างชำระโดยจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์สินนั้นในเวลาและ ณ สถานที่ส่งมอบ
ถ้าทำสัญญากู้ยืมเงินกัน และผู้ให้กู้ยืมยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืมไซร้ หนี้อันระงับไปเพราะการชำระเช่นนั้น ท่านให้คิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์สินนั้นในเวลาและ ณ สถานที่ส่งมอบ
ความตกลงกันอย่างใด ๆ ขัดกับข้อความดั่งกล่าวมานี้ ท่านว่าเป็นโมฆะ
มาตรา 656 วรรคหนึ่งนั้นเป็นเรื่องการกู้ยืมเงิน(สัญญากู้ยืมเงิน) และผู้ให้กู้ส่งมอบสิ่งของให้ผู้กู้แทนเงิน ซึ่งกฎหมายบังคับให้ตีราคาทรัพย์สินสิ่งของที่รับแทนนั้นตามราคาแห่งท้องตลาดในเวลาและสถานที่ส่งมอบ การตีราคาทรัพย์สินสิ่งของเป็นอย่างอื่น เช่น อาจตกลงกันเอง เป็นการขัดกับกฎหมายซึ่งห้ามไว้ ข้อตกลงนั้นจึงใช้ไม่ได้ เป็นโมฆะไป ผู้กู้เป็นหนี้เพียงราคาตามท้องตลาดในเวลาและสถานที่ส่งมอบของทรัพย์สินที่รับมานั้นเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2820/2515 การกู้ยืมเงินกันนั้น ผู้กู้อาจยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอื่นแทนจำนวนเงินหรืออาจนำหนี้สินอย่างอื่นมาแปลงเป็นหนี้เงินกู้ก็ได้ หาจำต้องมีการรับเงินกันเสมอไปไม่
ส่วน มาตรา 656 วรรคสองก็เช่นกันแต่เป็นการที่ผู้ให้กู้รับเอาทรัพย์สินสิ่งของแทนเงินที่ผู้กู้ต้องชำระหนี้ ก็ให้หนี้ระงับหมดไปเท่ากับราคาตามท้องตลาดในเวลาและสถานที่ส่งมอบของทรัพย์สินสิ่งของนั้น จะมากจะน้อยกว่านี้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 766 - 767/2506 (ประชุมใหญ่) ข้อสัญญาเด็ดขาดว่า เมื่อผู้กู้ไม่ใช้เงินต้องโอนสิทธิการเช่าให้แก่ผู้ให้กู้โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าสิทธิแห่งการเช่านั้นมีราคาเท่าใดในท้องตลาดในเวลาส่งมอบย่อมขัดกับมาตรา 656 วรรคสอง ย่อมเป็นโมฆะตามวรรคสาม ตามนัยฎีกาที่ 779/2497 ผู้ให้กู้ไม่มีสิทธิฟ้องให้โอนสิทธิการเช่าดังกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น